วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

3901-2004: การพัฒนาระบบฐานข้อมูล

รหัสวิชา 3901 – 2004 วิชาการพัฒนาระบบฐานข้อมูล

บทที่ 1

ฐานข้อมูล SQL
คำว่า “ฐานข้อมูล” เป็นการจัดเก็บและการดึงข้อมูล มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับองค์กร

บทเรียน

ฐานข้อมูล หมายถึง ข้อมูลรวมถึงความสัมพันธ์ของข้อมูลที่จัดเก็บ
รวบรวมไว้เป็นกลุ่ม นอกจากนี้เพื่อให้เกิดระบบที่มีกลไกสนับสนุนให้ใช้ฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลกับองค์กรอย่างเต็มที่ ระบบฐานข้อมูลต้องประกอบด้วยฐานข้อมูลและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่ดูแลและบริหารจัดการฐานข้อมูลของระบบ ซึ่งเรียกว่า โปรแกรม “ระบบจัดการฐานข้อมูล” (Database Management System:DBMS)

ระบบฐานข้อมูล (Database System)
- สามารถแบ่งตามคุณลักษณะของโมเดลของข้อมูลที่จัดเก็บใน
ระบบฐานข้อมูลที่เป็นที่รู้จักกัน ได้แก่

1.โมเดลแบบลำดับชั้น (Hierarchical Model)
ลักษณะโมเดลนี้จะมีการจัดเก็บข้อมูลในโครงสร้างแบบทรี (Tree) ตัวอย่าง 1-1 โหนดลูก 1 โหนดมีโหนดพ่อแม่ 1 โหนด


2. โมเดลแบบเครือข่าย (Network Model)
จัดเก็บข้อมูลในโครงสร้างแบบกราฟ ตัวอย่าง 1-2 โหนดลูก 1 โหนด สามารถมีโหนดพ่อแม่ได้หลายโหนดเช่น TV มีโหนดพ่อแม่ 2 โหนด


3.โมเดลแบบเชิงสัมพันธ์ (Relation Model)
เป็นโมเดลที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของเซ็ตของวิชาคณิตศาสตร์ เช่น (name, value), (tel, value) char(10) และ char(12) เป็นโดเมนแอตทริบิวต์ ตัวอย่าง 1-3 จัดเก็บข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อน ชื่อและเบอร์โทรศัพท์


พิจารณาเซ็ตของความสัมพันธ์ สามารถแสดงการจัดเก็บข้อมูลเป็นเทเบิล
หรือตารางข้อมูลที่ประกอบด้วยแถว (rows หรือ tuples) และ คอลัมน์ (columns หรือ Attributes) โดยการตัดกันของแต่ละแถวกับแต่ละคอลัมน์ จะแทนด้วยค่าของข้อมูล (พูดถึงการเข้าถึงข้อมูล)

ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์

ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational database) จะอยู่ในรูปของตาราง 2 มิติ คือ ประกอบด้วยแถว (Row) และ คอลัมน์ (Column) เปรียบเทียบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์กับระบบการประมวลผลแบบแฟ้มข้อมูล DBMS ทำงานอยู่บนพื้นฐานของโมเดลข้อมูลเชิงสัมพันธ์เรียกว่า “ระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์” (Relational Database Management System: RDBMS) โดยข้อมูลแต่ละ Table ในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ เรียกว่า รีเลชั่น คือ ไฟล์ในระบบการประมวลผลข้อมูลแบบแฟ้มข้อมูล (File Processing System)

เปรียบเทียบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์กับระบบการประมวลผลแบบแฟ้มข้อมูล เทเบิล หรือ รีเลชั่น Table Relation ไฟล์ (File) คอลัมน์ หรือ แอตทริบิวต์ Column Attribute ฟิลด์ (Field) แถว หรือ ทูเปิล Row Tuple เรคคอร์ด (Record)

ความสัมพันธ์ (Relationship)

หัวใจสำคัญในการออกแบบเทเบิล (Table) ที่มีโครงสร้างเชิงสัมพันธ์ เพื่อเก็บข้อมูลกลุ่มต่าง ๆ โดยจะต้องสามารถกำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง กลุ่มข้อมูลเหล่านั้นได้ ต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าข้อมูลเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ กันอย่างไร ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างเทเบิลมีทั้งหมด 3 ลักษณะ คือ แบบ 1:1 (One-to-One) แบบ 1:N (One-to-Many) แบบ M:N (Many-to-Many)

แบบ 1:1 (One-to-One)

-แถว 1 แถวใน Table ใด ๆ สามารถจับคู่กับแถวในอีก Table หนึ่งได้ เพียงแถวเดียวเท่านั้น ตัวอย่าง ใช้รหัสพนักงานเป็นตัวเชื่อมเนื่องจากเป็นคอลัมน์ร่วม (Common Field) ของทั้ง 2 Table ดังรูป พนักงาน ข้อมูลส่วนตัว

แบบ 1:N (One-to-Many)

-แถว 1 แถวใน Table ใด ๆ สามารถจับคู่กับแถวในอีก Table หนึ่งได้ หลายแถว ตัวอย่าง Table ลูกค้า และ Table การสั่งซื้อ ดังรูป รหัสลูกค้า ชื่อบริษัท ที่อยู่ 1001 Let’s Stop N Shop 87 Polk St., San Francisco 1002 B’s Beverage Fauntleroy Circus, London 1003 Chop-suey Chinese Hauptstr. 29, Bern รหัสสั่งซื้อ รหัสลูกค้า รหัสสินค้า 12010 1001 BE-203 12015 1003 ME-010 12016 1002 SE-057 12025 1003 SE-067 N 1 การสั่งซื้อ ลูกค้า
ใบสั่งซื้อแต่ละใบจะต้องมาจากลูกค้า คนเดียวเท่านั้น

แบบ M:N (Many-to-Many)

-แถวหลาย ๆ แถวใน Table หนึ่ง มีความสัมพันธ์กับอีกหลาย ๆ แถวในอีกTable หนึ่งพร้อมกัน ตัวอย่าง Table ลูกค้า และ Table การสั่งซื้อ และ สินค้า ดังรูป รหัสลูกค้า ชื่อบริษัท ที่อยู่ 1001 Let’s Stop N Shop 87 Polk St., San Francisco 1002 B’s Beverage Fauntleroy Circus, London 1003 Chop-suey Chinese Hauptstr. 29, Bern รหัสสั่งซื้อ รหัสลูกค้า รหัสสินค้า 12010 1001 BE-203 12015 1003 ME-010 12016 1002 SE-057 12025 1003 SE-067 N 1 การสั่งซื้อ ลูกค้า รหัสสั่งซื้อ ชื่อสินค้า ปริมาณ ME-010 Boston Crab Meat 120 BE-115 Ipoh Coffee 15 SE-067 Konbu 24 BE-2003 Outback Lager 30 สินค้า
ใบสั่งซื้อแต่ละใบจะต้องมาจากลูกค้า คนเดียวเท่านั้น

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 1 เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโปรแกรม Aeccss 2007

แบบฝึกหัด บทที่ 1
ตอนที่ 1
1.ระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS) คืออะไร
ตอบ ข.ตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับฐานข้อมูล
2.หลังจากที่สร้างฐานข้อมูลแล้ว จะต้องสร้างออบเจ็กอะไรเป็นอันดับแรก
ตอบ ก.Table
3.ออบเจ็กต์ใดทำหน้าที่ในการเก็บข้อมูลทั้งหมดลงฐานข้อมูล
ตอบ ก.Table
4.ออบเจ็กต์ Query มีหน้าที่อะไร
ตอบ ค.สร้างเเบบสอบถามข้อมูล
5.ข้อใดต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของออบเจ็ก form
ตอบ ข.เก็บข้อมูลลงฐานข้อมูล
6.ข้อใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ กฎของการ normalizatioh
ตอบ ข.จะต้องมีความสัมพันธ์เเบบเชิงกลุ่ม(Many-to-Many)
7.ข้อใด ไม่ใช่ ประโยชน์ที่ได้รับของระบบฐานข้อมูล
ตอบ ค.ข้อมูลที่จัดเก็บมีความทันสมัย
8.ขั้นตอนใดต่อไปนี้เป็นขั้นตอนแรกในการออกแบบฐานข้อมูล
ตอบ ก.กำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
9.ส่วนประกอบต่อไปนี้เพิ่มเข้ามาใหม่ใน Access 2007 ยกเว้นข้อใด
ตอบ ง.Ribbon
10.ข้อใดต่อไปนี้ กล่าวผิด
ตอบ ก.เมื่อบันทึกฐานข้อมูลในAccess2007จะมีนามสกุลเป็น .accdb

ตอนที่ 2
1. ช DBMS=ระบบจัดการฐานข้อมูล
2. จ Normalization=กฏที่ใช้ในการออกแบบตาราง
3. ซ Office Button=ปุ่มที่รวบรวมชุดคำสั่งในการจัดการฐานข้อมูล
4. ญ Quick Access Toolbar=แถบเครื่องมือที่รวบรวมปุ่มเครื่องมือที่ใช้งานบ่อยๆเอาไว้
5. ฌ Ribbon=ส่วนในการทำงานใหม่ที่เข้ามาแทนที่แถบเมนูและแถบเครื่องมือ
6. ก Navigation Pane=แถบในการแสดงออบเจ็กต์ที่สร้างขึ้น
7. ค Document Window=ส่วนของพื้นที่ในการทำงานของออบเจ็กต์ต่างๆ
8. ข Query=แบบสอบถามข้อมูล
9. ง Mecro=ชุดคำสั่งกระทำต่างๆที่นำมารวมกัน
10.ฉ Module=โปรแกรมย่อยที่เขียนขึ้นด้วยภาษา VBA

ตอนที่3
1.จงอธิบายถึงความหมายของฐานข้อมูล
ตอบ ฐานข้อมูล(Database)คือข้อมูลจำนวนมากที่มีการจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบในลักษณะของตาราง ข้อมูลแต่ละตารางที่มีอยู่นั้นมีความสัมพันธ์กัน
2.ระบบฐานข้อมูลมีประโยชน์อย่างไร
ตอบ 1.ลดความซับซ้อนของข้อมูล
2.ทำให้เกิดความสอดคล้องของข้อมูล
3.ควบคุมความถูกต้องของข้อมูล
4.สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้
5.มีความปลอดภัย
3.ใน Microsoft Access 2007 ประกอบไปด้วยออบเจ็กต์อะไรบ้าง และมีหน้าที่อย่างไร
ตอบ 1.Table ใช้ในการเก็บข้อมูลทั้งหมด
2.Queries ช่วยค้นหาหรือสร้างแบบสอบถามข้อมูล
3.Froms แบบฟอร์มในการทำงาน สำหรับจัดการกับข้อมูลแทนการจัดการในตาราง
4.Report ใช้ในการสร้างรายงาน
5.Macros ชุดคำสั่งที่นำมาร่วมกันตามขั้นตอนในการทำงานเพื่อให้การทำงานเป็นอัตโนมัติ
6.Modules ช่วยให้ทำงานกับข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้นได้
4.จงอธิบายหลักการออกแบบฐานข้อมูลมาพอเข้าใจ
ตอบ ต้องกำหนดวัตถุประสงค์ว่าต้องใช้ข้อมูลเรื่องใด ใช้เพื่อทำอะไร ต้องการอะไร สอบถามความต้องการจากผู้ใช้ วิเคราะห์ข้อมูลที่จำเป็นจัดเป็นกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลแต่ละตาราง วิเคราะห์โครงสร้างข้อมูล กำหนดชนิดข้อมูล กำหนดความสัมพันธ์
5.จงยกตัวอย่างระบบงานที่ควรนำระบบฐานข้อมูลมาใช้พร้อมทั้งอธิบายเหตุผล
ตอบ งานทะเบียน เพราะว่าเป็นงานที่ทำเกี่ยวกับประวัติของพนักงานหรือนักเรียนทั้งหมด ซึ่งมีข้อมูลต่างๆหลายอย่าง

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ประวัติส่วนตัว

ประวัติส่วนตัว
ชื่อ ธนงศักดิ์ สกุล ลำสันเทียะ
เกิดวันที่ 23 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2533
ที่อยู่ปัจจุบัน 18/1 ซ.หิรัญรูจี3 ถ.ประชาธิปก แขวง หิรัญรูจี
สุขภาพ แข็งแรงดี
โรคประจำตัว ไม่มี
เคยแพ้ยา ไม่เคย
บิดาชื่อ นาย เติม สกุล ลำสันเทียะ มือถือ 084-707-5453
มารดาชื่อ นาง แสง สกุล ลำสันเทียะ มือถือ 089-517-6263
อาจารย์ที่ปรึกษา อ.อำภา ธรรมโยธิน
มือถืออาจารย์ที่ปรึกษา 0814134242
เลขที่สัญญากองทุนเพื่อการศึกษา
เลขที่บัตรประชาชน 1-1018-00400-09-5

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

งานที่ 3


Usename
Password
Checkbox
123
Radio
123
textarea
Droup Down
Submit

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สร้างตาราง

รายการเว็บไซต์
เว็บไซต์รายละเอียด
มาดู
ทีมงานสอดแนม
สามารถเล่นเกม,ดูหนัง,ฟังเพลง
www.madoo.com
Goooogle
ทีมงานค้นหา
ใช้ค้นหาและค้นคว้าหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต
www.google.com
ดูหนังฟรี
นักรบ
ดูหนังฟรีไม่เสียเงิน
ดูหนัง 300ขุนศึกสะท้านโลก
RagnaroK Game
คนบ้าเกม
รายละเอียดเกี่ยวกับเกมนี่
www.ragnarok.in.th
กระปุก
ชอบสะสม
บันเทิง
www.kapook.com
วิทยาลัยอาชีวเสาวภา
วิทยาลัยอาชีวเสาวภา
เว็บของ วิทยาลัยอาชีวเสาวภา
www.swbvc.serveftp.net
ให้...ห้า
เพื่อนกันทั่วโลก
ทำให้คุณรู้จักเพื่อนของคุณในโลกของ Hi5
www.hi5.com
สนุก
รักบันเทิง
ดูหนัง,ฟังเพลง,เล่มเกม,ข่าวสาร
www.sanook.com
จับช่าย
Error
สารพัดคลิป
www.jabchai.com
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
คนรัก Computer
ค้นหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
www.overclockzone.com

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คำสั่งที่ใช้ในการจัดการตัวอักษร

1.ข้อความ

ธนงศักดิ์ ลำสันเทียะ


2.ตัวหนา
ตัวหนาไหมครับ

3.ตัวเอียง
ตัวหนังสือเอียงไปทางขวาเล็กน้อย

4.ขีดเส้นใต้
ตัวหนังสือจะมีขึดเส้น

5.ขึ้นบรรทัดใหม่
นารุโต๊ะ
สาสึเกะ
กาอาระ
ลีคุง


6.เส้นคั่น



7.หัวข้อเรื่อง
หัวข้อที่ 1
หัวข้อที่ 2

หัวข้อที่ 3

หัวข้อที่ 4


หัวข้อที่ 5


หัวข้อที่ 6


หัวข้อที่ 7



8.1ใส่สัญลักษณ์หน้า Text

  • ข้อความที่ 1
  • ข้อความที่ 2
  • ข้อความที่ 3


8.2รายการแบบตัวเลข

  1. รายการ 1
  2. รายการ 2

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 6 การใช้อินเตอร์เน็ต

บทที่ 6 การใช้อินเตอร์เน็ต
1.ความหมายของอินเตอร์เน็ตอินเทอร์เน็ต คือเครือข่ายนานาชาติที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มารวมเป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งโลก โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมเครือข่ายภายใต้มาตรฐานการเชื่อมโยงด้วยโปรโตคอลเดียวกัน คือ TCP/IP
เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในอินเตอร์เน็ตสามารถสื่อสารระหว่างกันได้
2.ความเป็นมาของอินเตอร์เน็ตเครือข่ายอาร์พาเน็ตเป็นเครือข่ายทางการทหาร สังกัดกระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งเมื่อปี 2512 ใช้งานวิจัยด้านทหารติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ต่อมามหาลัยวิทยาลัยต่าง ๆ สนใจและขอร่วมโครงการทำให้เครือข่ายอาร์พาเน็ตมีขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาในการบริหารเครือข่าย ดัวนั้นทางการทหารจึงขอแยกตัวออกเป็นเครือข่ายเฉพาะของกองทัพใช้ชื่อว่า มิลเน็ต และมีการติดต่อกับเครือข่ายอาร์พาเน็ตเดิมด้วยเทคนิคการโต้ตอบ หรือโปรโตคอล แบบพิเศษที่เรียกว่า ทีซีพี/ไอพีเป็นครั้งแรกจนกระทั้งปี 2533 ยุติเครือข่ายอาร์พาเน็ต และเปลี่ยนไปใช้ NSFNET และเครือข่ายอื่น ๆ แทน และได้มีการเชื่อมต่อเครือข่ายอื่น จนเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ จนถึงทุกวันนี้และเรียกเครือข่ายนี้ว่า “อินเตอร์เน็ต”
3.ISPISP หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ย่อมาจาก Internet Service Provider เป็นหน่วยงานที่ให้บริการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำหน้าที่เปิดการเชื่อมต่อให้บริการบุคคลหรือองค์กร สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ สำหรับประเทศไทยมีหน่วยงานที่ให้บริการด้านนี้อยู่ 2 ประเภท คือ ผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ และผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตสำหรับสถาบันการศึกษาการวิจัยและหน่วยงานของรัฐISP ประเภทนี้ให้บริการในเชิงพาณิชย์ ผู้ใช้ที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตจะต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ ISP รายนั้น ๆ ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการใช้งานอินเทอร์เน็ต อัตราค่าบริการจะขึ้นอยู่ที่ ISP แต่ละราย ข้อดีสำหรับผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตในเชิงพาณิชย์ก็คือ การให้บริการที่มีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งรับรองกับความต้องการของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน มีทั้งรูปแบบส่วนบุคคลซึ่งจะให้บริการกับประชาชนทั่วไปที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตและบริการในรูปแบบขององค์กร หรือบริษัทสามารถเลือกรับบริการได้ 2 วิธี คือ ซื้อชุดอินเทอร์เน็ตสำเร็จรูปตามร้านค้าทั่วไปมาใช้และสมัครเป็นสมาชิกรายเดือนISP ประเภทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตสำหรับสถาบันการศึกษา การวิจัยและหน่วยงานของรัฐ เช่น เครือข่ายไทยสาร เครือข่ายคนไทย เป็นต้น
4.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
1.การเชื่อมต่อโดยหมุมโมเด็ม ผ่านสายโทรศัพท์ หรือหากใช้โทรศัพท์แบบ ISDN ต้องใช้โมเด็มแบบ ISDN โดยเฉพาะด้วยหรือการต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่เรียกว่า ADSL หรือบรอดแบนด์ ต้องมีโมเด็มแบบธรรมดา แต่ต้องมีอุปกรณ์พิเศษที่ชุดสายด้วยจึงจะใช้งานได้การเชื่อมต่อโดยหมุนโมเด็ม สิ่งที่จำเป็นจะต้องมีได้แก่-สมัครสมาชิกกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ISP เสียก่อน สิ่งที่ได้คือ ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน-สายโทรศัพท์-โมเด็ม มีแบบ Internal Modem และ External Modem
2.การเชื่อมต่อแบบระบบ LAN หรือการเชื่อมต่อเครือข่ายภายในองค์กร หากหน่วยงานมีบริการแบบ DHCP ก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งหมายเลข IP Address สามารถใช้งานได้เลย หากจำเป็นต้องขอหมายเลข IP จากหน่วยงานผู้ให้บริการก็สามารถติดตั้งได้ดังนี้
1.คลิกขวาที่ไอคอน My Network Places ปรากฏเมนู
2.คลิกที่ Properties
3.คลิกขวาที่ไอคอน Local Area Connection แล้วคลิก Properties
4.คลิกขวาที่ Internet Protocol(TCP/IP)
5.คลิกที่ Properties6.ระบุหมายเลข IP Address7.คลิกปุ่ม OK
5.ศัพท์ที่สำคัญในอินเทอร์เน็ต
1.โปรโตคอล เป็นข้อตกลงที่ทุกเครื่อง ทุกโปรแกรมต้องรู้และทำตามเป็นแบบหรือมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เช่น TCP/IP เป็นกติกาหลักในการรับข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ข้อมูลทุกรูปแบบไม่ว่าจากโปรแกรมใดก็ต้องแปลงให้อยู่ในมาตรฐานของ TCP/IP เสียก่อนจึงจะรับส่งได้ กติกานี้กำหนดวิธี ขั้นตอนในการรับส่งข้อมูล และตรวจสอบความถูกต้องอย่างรัดกุม ส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้คือการเรียกชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งทางเทคนิคเรียกว่า ที่อยู่หรือ IP Address เป็นต้น ตัวเลข 4ชุด แต่ละชุดมีค่าระหว่าง 0-255 คั่นด้วยจุด เช่น 202.172.132.1 เป็นต้น ซึ่งจะต้องตั้งชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ได้นับล้านโดยไม่ซ้ำกัน
2.ชื่อโดเมนเนม การนำชื่อโดเมนมาใช้แทน IP Address ทำให้จดจำชื่อโดเมนได้ง่ายขึ้นกว่าการจำ IP Address ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ ของ www.CNN.com
Internet Address คือ IP Address ที่อยู่ในรูปแบบของตัวอักษร โดยตัวย่อของ Internet Address จะมีความแตกต่างตามหน่วยงานที่ดูแลการจดชื่อโดเมน สำหรับประเทศไทย มี7 ประเภทด้วยกันคือ
.net.th สำหรับหน่วยงานของไทยที่ให้บริการเครือข่าย
.co.th สำหรับองค์กรธุรกิจที่จดทะเบียนในไทย
.or.th สำหรับองค์กรของไทยที่ไม่แสวงหากำไร
.ac.th สำหรับหน่วยงานสถาบันการศึกษาของไทย
.mi.th สำหรับหน่วยงานทางการทหารของไทย
.in.th สำหรับองค์กรหรือบุคคลทั่วไปของไทย
3.เวิลด์ไวด์เว็บ หรือเว็บเพจ คือบริการฐานที่ใช้กันมากที่สุดเป็นรูปแบบของเอกสารที่ดูในคอมพิวเตอร์ได้โดยใช้โปรแกรมเว็บเบราเชอร์
4.เว็บเซิร์ฟเวอร์ หมายถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการเว็บไซต์ ผู้เรียกชมหน้าเว็บไซต์ได้โดยใช้โปรโตคอล HTTP ผ่านทางเว็บเบราเชอร์
5.โปรโตคอลของเว็บ เป็นกติกาที่ใช้เรียกดูข้อมูลจากเว็บซึ่งเรียกใช้ได้โดยระบุคำว่า http:// ถ้าไม่ใส่โปรแกรมเว็บเบราเชอร์จะเปิดให้อัตโนมัติ ส่วนการรับส่งไฟล์ด้วย FTP://แทนเพราะว่าเป็นการส่งให้อีกเครื่องหนึ่งส่งไฟล์มาโดยตรง
6.เว็บเพจ คือหน้าหนึ่ง ๆ ของเว็บไซต์ที่เปิดขึ้นมาใช้งาน
7.เว็บไซต์ คือหน้าเว็บเพจหลาย ๆ หน้า ซึ่งเชื่อมโยงกันผ่านทางไฮเปอร์ลิงค์
8.โฮมเพจ คือเว็บเพจหน้าแรกที่ปรากฏของแต่ละเว็บไซต์ หรือหน้าแรกที่ปรากฏขึ้นเมื่อเปิดโปรแกรมเว็บเบราเชอร์
9.ภาษาของเว็บ เป็นภาษาที่ใข้ในการจัดหน้าเว็บเพจ มีชื่อไฟล์เว็บเพจส่วนขยายเป็น .htm หรือ .html
10.ยูอาร์แอล คือการอ้างอิงตำแหน่งที่ตั้งของไฟล์บนอินเตอร์เน็ต
6.การประยุกต์ใช้งานอินเทอร์เน็ต
1.ด้านการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลจากห้องสมุดออนไลน์ ศึกษาบทเรียนวิชาต่าง ๆ ฝึกทำข้อสอบ เกมการศึกษาสำหรับเด็ก และบริการข้อมูลข่าวสาร ต่าง ๆ
2.ด้านธุรกิจปัจจุบันได้มีธุรกิจการค้าเกิดขึ้นมากมายในรูปแบบต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า E-Commerce มีทั้งโฆษณาแบะการให้บริการสินค้า ซึ่งค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการโฆษณาด้วยสื่อ อื่น ๆ ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อสินค้าผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตได้ด้วยวิธีการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ต่าง ๆ แบะยังสามารถหางานและสมัครงานผ่านระบบนี้ได้อีกด้วย
3.ด้านการสื่อสาร ใช้สำหรับรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือสามารถพูดคุยกับเพื่อนได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ทางไกล โดยใช้โปรแกรมสนทนา หรือโปรแกรมต่าง ๆ เช่น MSN, Skype, Net2Phone , Cattelecom เป็นต้น
4.ด้านการบันเทิง ข้อมูลข่าวสารมีอยู่มากมาย เช่น ดูภาพยนตร์ ทีวี ฟังเพลง เล่รเกมออนไลน์ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
7.อีเมล์และการรับส่งอีเมล์อีเมล์ คือกล่องจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ใช้บริการสามารถรับและส่งอีเมล์ฝยอินเตอร์เน็ต เพื่อประโยชน์ด้านการสื่อสารโปรแกรมที่ใช้รับส่งอีเมล์จะรับส่งผ่านเครื่องที่ให้บริการรับส่งเมล์ จะเรียกว่า “เมล์เซิร์ฟเวอร์” ปัจจุบันบริการอีเมล์ผ่าน Web-Based Mail ได้รับความนิยมอย่างมาก จึงมีหลายบริษัทเปิดให้บริการฟรีอีเมล์ เช่น Hotmail.com , Yahoo.com , thaimail.com , Gmail.com , Chaiyo.com thaiall.com เป็นต้น